เนื่องจากจีนประกาศการกลับตัวครั้งใหญ่ต่อนโยบาย “Zero COVID” ในเดือนธันวาคม 2565 แง่มุมหนึ่งของการประกาศที่ดึงดูดความสนใจจำนวนมากคือการกลับมาเดินทางระหว่างประเทศระหว่างประเทศกับส่วนอื่นๆ ของโลกอีกครั้ง
ด้านหนึ่งการผ่อนปรนกฎระเบียบสำหรับผู้เดินทางเข้าและออกก็เป็นไปอย่างชื่นมื่น เช่นเดียวกับการยกเลิกข้อจำกัดเกี่ยวกับจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศและจำนวนผู้โดยสาร
แต่ความต้องการเดินทางที่ถูกคุมขัง ซึ่งเห็นการเพิ่มขึ้นอย่างมากของการจองเที่ยวบินขาออกจากจีนแผ่นดินใหญ่เกือบจะในทันทีที่มีการประกาศคลายข้อจำกัด ก็ส่งผลให้เกิดความกังวลใจพอสมควร
สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดความหวาดกลัวคือการที่ปักกิ่งอ้างว่าขาดความโปร่งใสเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ นอกเหนือจากรายงานการติดเชื้อและการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาที่จีนรื้อกฎการแพร่ระบาดที่เข้มงวด
ความกังวลใจในมาเลเซีย
ในมาเลเซีย ข่าวจีนเปิดพรมแดนโดยทั่วไปได้รับปฏิกิริยาที่หลากหลาย โดยเริ่มแรกบางพื้นที่เรียกร้องให้มีการควบคุมเข้มงวดหรือแม้แต่ระงับการเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีนทั้งหมด
อันที่จริง ปฏิกิริยาบางอย่าง รวมทั้งจากพรรคการเมืองคนดังและแม้แต่ผู้เล่นในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว บางคน ถือว่าเป็นปัญหาอย่างมาก จนทำให้ Tiong King Sing รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยว ศิลปะและวัฒนธรรมคนใหม่ของประเทศ ออกมาเตือนถึงปฏิกิริยาที่มากเกินไป และเสริมด้วยว่ามาเลเซีย เสี่ยงสูญเสียรายได้อย่างน้อย 30,000 ล้านริงกิตหากเลือกปฏิบัติต่อผู้มาเยือนชาวจีน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำพูดของ Tiong ได้รับเสียงสะท้อนจาก Malaysian Association of Tour and Travel Agents (Matta) ซึ่งประธาน Tan Kok Liang ตั้งข้อสังเกตว่าการเรียกร้องให้ปิดพรมแดนของมาเลเซียต่อนักท่องเที่ยวชาวจีนนั้น ” ไร้เหตุผลและขาดความรับผิดชอบ ”
ผู้นำมาเลเซียเชื้อสายจีนกล่าวในงานแถลงข่าว
ถึงกระนั้น ก็ยังมีคนเช่น ดร. เคลวิน ยี่ ส.ส.ชาวซาราวาเกียที่กระตุ้นเตือนและเสนอการทดสอบก่อนออกเดินทางและการมาถึงสำหรับผู้เดินทางจากจีน
อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุด แม้ว่าจะได้รับคำรับรองจากนายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม ถึงมาตรการที่เข้มงวดและสมดุลมากขึ้น ซึ่งจะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมากกว่าการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ทางการกล่าวว่าจะมีไม่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สู่ขั้นตอนการปฏิบัติงานมาตรฐานเมื่อปักกิ่งเปิดประตูอีกครั้งอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 มกราคม 2566
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่รัฐบาลมาเลเซียวางไว้คือมาตรการคัดกรองที่เพิ่มขึ้น— ประกอบด้วยการทดสอบน้ำเสียจากเครื่องบินที่มาจากประเทศจีน การตรวจวัดอุณหภูมิผู้เดินทางเข้าทั้งหมด และการตรวจเพิ่มเติมของผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่ประกาศตนเองและแสดงอาการ — ที่จุดตรวจคนเข้าเมืองและทางออกของประเทศ
ถึงกระนั้นและสิ่งสำคัญที่ควรทราบคือยังไม่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมากของผู้ติดเชื้อโควิดในมาเลเซีย
เตรียมตัวให้พร้อม
สำหรับ ดร. กุลจิต ซิงห์ หัวหน้าสมาคมโรงพยาบาลเอกชนมาเลเซีย (APHM) ไม่ควรมีเหตุผลที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับการไหลเข้าของนักท่องเที่ยวจีน แม้จะพิจารณาถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงตรุษจีน
ในความเป็นจริง เขาตั้งข้อสังเกตว่ามาเลเซียอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะเผชิญกับคลื่นลูกใหม่จากโควิด-19 หลังจากประสบการณ์ในปี 2563 และ 2564 ซึ่งได้เห็นภาคส่วนบริการสุขภาพของภาครัฐและเอกชน และแม้แต่กองทัพของมาเลเซียทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาด
ความเห็นเกี่ยวกับมาตรการตรวจคนเข้าเมืองและสุขภาพเพื่อคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศ เขากล่าวเพิ่มเติมว่ายินดีต้อนรับ
อย่างไรก็ตาม มีวิธีอื่นที่เป็นไปได้มากมายสำหรับเชื้อ COVID-19 ในการเข้าถึงประเทศนอกเหนือจากช่องทางเข้าและออกของด่านตรวจคนเข้าเมือง
“(มาตรการ) ดีในระดับหนึ่ง แต่ไม่มีทางป้องกันไวรัสเข้าประเทศได้ 100 เปอร์เซ็นต์” นพ.กุลจิตต์ กล่าว
มาตรการที่ไม่สม่ำเสมอ
แน่นอนว่า มาเลเซียไม่ได้เป็นเพียงประเทศเดียวในการใช้วิธีรอดูสถานการณ์กับนักท่องเที่ยวชาวจีน
อย่างไรก็ตาม ไม่น่าแปลกใจเลยที่ความสม่ำเสมอจะมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แม้แต่ทั่วภูมิภาคเอเชียที่มีนักเดินทางจากจีนใช้เวลามากในช่วงหลายปีก่อนเกิดโรคระบาด
เช่น ประเทศไทยได้ประกาศมาตรการเข้มงวดสำหรับผู้เดินทางเข้าเพียงเพื่อย้อนกลับข้อ จำกัด เหล่านั้นและยินดีต้อนรับ “ทางอารมณ์”นักท่องเที่ยวจีนด้วยมาลัย. ในทำนองเดียวกันฟิลิปปินส์พิจารณาด้วยแต่แล้วก็ตัดสินใจที่จะไม่ใช้การควบคุมที่เข้มงวดกว่านี้
แต่สถานการณ์กลับแตกต่างกันมากสำหรับสองเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สุดของจีน เกาหลีใต้และญี่ปุ่น.
ไม่เคยเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ทั้งสองประเทศเคยกล่าวว่าจะไม่เพิ่มเที่ยวบินจากจีน และจะจำกัดจำนวนสนามบินขาเข้าด้วย นอกจากนี้ นักเดินทางที่บินตรงจากจีนจะต้องทำการทดสอบ PCR (ปฏิกิริยาลูกโซ่โพลีเมอเรส) ก่อนและหลังการเดินทาง โดยเกาหลีใต้เสริมว่ากำลังจำกัดจำนวนวีซ่าระยะสั้นสำหรับผู้เดินทางจากจีน
ประกาศเหล่านี้มีกระตุ้นให้ฟันเฟืองโดยปักกิ่งใช้มาตรการยุติการออกวีซ่าระยะสั้นแก่ชาวเกาหลีใต้และชาวญี่ปุ่น
ถึงกระนั้น ความกังวลที่ใหญ่กว่าในที่นี้คือสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อข้อจำกัดและการตอบโต้ข้อจำกัดทั้งหมดที่จะมีต่อการเดินทางและการท่องเที่ยว ภายนอกและภายในประเทศจีน
กระทบการท่องเที่ยว
จากข้อมูลของรัฐบาลมาเลเซีย จีนเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาที่นี่มากเป็นอันดับสาม (รองจากสิงคโปร์และอินโดนีเซีย) ในปี 2562
และความหวังก็คืออีกนับล้านกว่า 3.1 ล้านคนที่เข้ามาจะถึงฝั่งในปีนี้
น่าเสียดายที่การคาดการณ์ล่วงหน้าของการเติบโตด้านการท่องเที่ยวและการเดินทางในเอเชียยังไม่ปรากฏโดยมีรายงานว่าชาวจีนจำนวนมากเลือกที่จะอยู่บ้าน
อย่างไรก็ตาม สิ่งนั้นอาจเปลี่ยนแปลงได้เมื่อปีที่ผ่านมาดำเนินไปและความกังวลเกี่ยวกับโควิด-19 ระลอกใหม่ก็ลดน้อยลง